หนังสือพระราชนิพนธ์
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี



พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2537
ประเทศ โรมาเนีย ฮังการี ออสเตรีย เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์
กลับไปหน้าที่แล้ว

แดร๊กคูล่าผู้น่ารัก


     พระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๒๕ จากบันทึกการเสด็จพระราชดำเนินเยือนกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป คือ โรมาเนีย สาธารณรัฐฮังการี สาธารณรัฐออสเตรีย ราชอาณาจักรเบลเยียม และสมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๑๓-๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗

     “ภาค ๑ โรมาเนีย”

     ณ กรุงบูคาเรสต์ สาธารณรัฐโรมาเนีย เสด็จ ฯ ไปทรงพบนายนิโคลาเอ วาเคอโรยู (Mr. Nicolae Vǎcǎroiu) นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล และเสวยพระกระยาหารค่ำ รัฐบาลแห่งโรมาเนียจัดถวาย วันต่อมา ประทับเครื่องบินพระที่นั่งจากกรุงบูคาเรสต์ไปยังเมืองซูจาวา ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในแคว้นโมลดาเวีย และเป็นราชธานีที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ทอดพระเนตรวัดโวโรเนต มีลักษณะพิเศษ คือมีภาพเขียนอยู่ภายนอก และมีสีที่เป็นสัญลักษณ์วัดนี้คือสีฟ้าโวโรเนต ซึ่งเป็นสีฟ้าที่ไม่มีที่ใดเหมือน เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรวัดโมลโดวิตา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ภาคเหนือโมลดาเวีย แล้วเสด็จ ฯ กลับบูคาเรสต์ จากนั้น เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรรัฐสภา เป็นอาคารขนาดใหญ่มากมีห้องมากกว่า ๒,๐๐๐ ห้อง นายเชาเชสกูเป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้น

     วันต่อมา เสด็จ ฯ ไปยังเมืองบราซอฟ ทอดพระเนตรปราสาทบราน สร้างขึ้นราว ค.ศ. ๑๓๗๗ เพื่อเป็นป้อมคุมเส้นทางการค้าระหว่างบราซอฟกับวาลาเซีย มองเห็น Bran Mountain Pass ได้ชัดเจน และยังมีเรื่องเล่ากันว่าเป็น ‘ปราสาทแดร๊กคูล่า’ อีกด้วย จากนั้น เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรปราสาทเปเรส สร้างโดยพระเจ้าคารอลที่ ๑ เป็นเจ้าชายเยอรมันราชวงศ์โฮเฮนเซลเลนมาครองโรมาเนียแล้วสร้างพระราชวังเป็นที่พักตากอากาศฤดูร้อน เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรวังเปริชอร์ ซึ่งพระเจ้าคารอลทรงสร้างพระราชทานเป็นตำหนักพักผ่อนแก่พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ 

     ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปยังเมืองคอนสแตนซา เป็นเมืองท่าติดทะเลดำ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ของเมือง  ซึ่งจัดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้จากเมืองโบราณ สุสานโบราณสมัยโรมัน และสมัยไบแซนไทน์ รูปเทพเจ้ากรีก-โรมัน ซึ่งเป็นที่นับถือของคนสมัยนั้น แสดงอาณาจักรต่าง ๆ ริมแม่น้ำดานูบและทะเลดำในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ ทำให้ได้เข้าใจลักษณะพื้นฐานของชาวโรมาเนีย ทรงพระดำเนินทอดพระเนตรทัศนียภาพชายฝั่งทะเลดำ ซึ่งทางด้านซ้ายมือเป็นประเทศรัสเซีย ขวามือเป็นตุรกี ใกล้ช่องแคบบอสฟอรัส แล้วเสด็จ ฯ กลับบูคาเรสต์ ต่อมา เสด็จ ฯ ไปทรงพบประธานาธิบดีโรมาเนีย ณ ทำเนียบประธานาธิบดี จากนั้น เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ทอดพระเนตรเสาประวัติศาสตร์ของจักรพรรดิทราจาน ซึ่งถอดแบบมาจากโรมันฟอรุมในกรุงโรม และห้องแสดงประวัติศาสตร์โรมาเนียสมัยต่าง ๆ เสด็จ ฯ ไปยังสถาบันราชบัณฑิตโรมาเนีย ทอดพระเนตรต้นฉบับตัวเขียน หนังสือเก่าฉบับที่พิมพ์ครั้งแรก และภาพพิมพ์

     “ภาค ๒ ฮังการี”

     ณ กรุงบูดาเปสต์ สาธารณรัฐฮังการี เสด็จ ฯ ไปทรงพบประธานาธิบดี Apad Gonaz และภริยา ณ รัฐสภา ทรงร่วมพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ณ จัตุรัสรัฐสภา จากนั้น ทอดพระเนตรรัฐสภาซึ่งสร้างขึ้นโดยมีลักษณะทางศิลปะผสมผสานระหว่างศิลปะแบบโกธิค เรอเนสซองส์และบาร็อค แล้วทรงพระดำเนินทอดพระเนตรบ้านเมืองของบูดาเปสต์ เสด็จ ฯ ไปยังสถาบันดนตรีฟรานซ์ ลิสต์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในช่วงค่ำ เสวยพระกระยาหารค่ำ ประธานาธิบดีจัดถวาย

     วันต่อมา เสด็จ ฯ ไปยังเมืองเอสเตอร์กอม เมืองหลวงดั้งเดิมของฮังการี ตั้งอยู่ชายแดนสโลวัก เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรมหาวิหารเอสเตอร์กอม ซึ่งเป็นมหาวิหารแห่งแรกของประเทศ และเป็นวิหารใหญ่ที่สุดในฮังการี เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนและศิลปะคริสต์ศาสนา ในช่วงบ่าย เสด็จ ฯ ไปยังเมือง Visigrad ทอดพระเนตรซากพระราชวังโบราณชื่อ Riralyi Palata ทรงพระดำเนินขึ้นไปยังบริเวณปราสาทบนยอดเขา สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ โดยพระเจ้าคอนสแตนตินมหาราชแห่งกรุงโรม ทอดพระเนตรแม่น้ำดานูบบริเวณคุ้งน้ำที่แม่น้ำไหลโค้งเป็นรูปตัว S เรียกว่า Danube bend ประทับเรือยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรทัศนียภาพแม่น้ำดานูบ จากนั้น เสด็จ ฯ กลับบูดาเปสต์ แล้วเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรอุปรากรเรื่อง Das Rheingold ของริชาร์ด วากเนอร์ พร้อมด้วยประธานาธิบดีและภริยา ณ โรงละครฮังกาเรียน โอเปร่า เฮาส์

     เสด็จ ฯ เมืองโฮโลโก้ ซึ่งเป็นเมืองที่อนุรักษ์บ้านเก่า ๆ ไว้มาก ในค.ศ. ๑๙๗๗ ทางยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของชาวเมืองโฮโลโก้ จากนั้น เสด็จ ฯ ไปยังเมือง Eger เป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษา ทอดพระเนตรห้องสมุดสมัยโบราณ พิพิธภัณฑ์ไวน์ เสด็จ ฯ เมือง Aggtelek ทอดพระเนตรถ้ำซึ่งอยู่ในเขตหินปูน (Karst Landform) ที่ใหญ่มาก เป็นถ้ำขนาดใหญ่ยาวถึง ๒๔ กิโลเมตรทะลุพรมแดนระหว่างฮังการีกับสโลวัก

     เสด็จ ฯ ไปยังสถาบันวิจัยด้านการเกษตรที่เมือง Martonvásar อยู่ในเขตปราสาทของตระกูลบรุนสวิก ทรงดูงานทดลองปลูกพืชและเพาะพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์เบโธเฟน จากนั้น เสด็จ ฯ ไปยังบริษัท IKARUS โรงงานผลิตรถบัส ที่เมือง Szekesfehervar ประทับรถบัสพระที่นั่งทอดพระเนตรทัศนียภาพของเมือง ซึ่งสร้างขึ้นในค.ศ. ๙๗๒ เสด็จ ฯ ทอดพระเนตรศาลาเทศบาล ในช่วงบ่าย เสด็จ ฯ กลับบูดาเปสต์ และเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรมหาวิทยาลัยเทคนิค โบสถ์ Matthias พระราชวังหลวงซึ่งใช้เป็นหอสมุดแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา

     “ภาค ๓ ออสเตรีย เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์”

     ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย เสด็จ ฯ ไปยังหอสมุดแห่งชาติ ทอดพระเนตรห้องเก็บหนังสือห้องใหญ่ที่เรียกว่า Sprunksaal มีหนังสือมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ เล่ม ต่อจากนั้น ประทับเครื่องบินพระที่นั่งสายการบิน Tyrolean ไปยังเมืองอินสบรุก เสด็จ ฯ เยือนมหาวิทยาลัยอินสบรุก ทรงร่วมพิธีเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ ๑๐ ปี ระหวางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย Leopold-Franzens เมืองอินสบรุก ทรงเปิดนิทรรศการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางวิชาการสาขาต่าง ๆ ระหว่างไทย-ออสเตรีย

     วันต่อมา เสด็จ ฯ ไปยังพิพิธภัณฑ์เหมืองเงินที่เมืองชวาซ แล้วเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ทรงฟังการบรรยายเรื่องมนุษย์น้ำแข็ง (Iceman) ซึ่งมีชื่อว่า Otzi

     เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่งไปยังกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เสด็จ ฯ ไปเฝ้าสมเด็จพระราชินีฟาบิโอลา ณ พระราชวังลาเก้น แล้วโดยเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรนิทรรศการ ๓ เรื่อง  ได้แก่ เรื่อง “5 millard d’ Hommes, tous parents, tous differents” จัดที่พิพิธภัณฑ์ของ l’Institute royal des Sciences naturelles de Belgique นิทรรศการเรื่อง “Les Sages et les Dieux” จัดที่ Brussels Lambert Bank และนิทรรศการเรื่อง “Au temps de Shogun” จัดที่หอญี่ปุ่นใกล้พระราชวังลาเก้น ในช่วงบ่าย เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่งไปยังเมืองเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เสด็จ ฯ ทอดพระเนตรการเรียนการสอนของ Geneva English School และสวนพฤกษศาสตร์ (Jardin Botanique)